หลายคนที่กำลังทำธุรกิจและอยากมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองอาจได้ศึกษาเกี่ยวกับการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์กันมาบ้างแล้ว แต่บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจดีว่า Dynamic Website และ Static Website นั้นคืออะไร และมีคุณลักษณะที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Dynamic Website และทำความเข้าใจถึงข้อแตกต่างของเว็บไซต์แบบไดนามิกกับเว็บไซต์แบบสเตติกกันครับ ไม่ว่าจะเป็นข้อแตกต่างในเชิงคุณลักษณะและการใช้งาน หรือในเชิงโครงสร้าง วันนี้เราจะมาอธิบายกันให้หายสงสัยกันไปเลย
ทำความรู้จัก Dynamic Website กันสักหน่อย…
Dynamic web page หรือชื่อภาษาไทยว่า เว็บเพจพลวัต เป็นหน้าเว็บไซต์ที่สามารถแสดงผลเนื้อหาต่าง ๆ ได้ตามความต้องการของผู้ใช้ โดยมีการประมวลผลข้อมูลจากฐานข้อมูล (Database) หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ก่อนจะส่งไปยังเบราว์เซอร์ การทำงานของเว็บไซต์แบบไดนามิกจะใช้ภาษาโปรแกรมที่ทำงานจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (Server-side) เช่น PHP, ASP, JSP, Python เป็นต้น ซึ่งเว็บไซต์แบบไดนามิกมีความยืดหยุ่นในการแก้ไขหรือปรับปรุงเนื้อหา และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างหลากหลาย โดยส่วนมาก Dynamic Website จะมีการจัดทำโดยผู้ดูแลหรือเจ้าของเว็บไซต์ผ่านระบบที่นักพัฒนาจัดทำไว้ให้ ตัวอย่างเช่น หน้าเว็บเพจที่เป็นบล็อกหรือบทความต่าง ๆ หน้ารายการสินค้า เป็นต้น
แล้ว Dynamic กับ Static Website มันแตกต่างกันยังไงนะ
ในย่อหน้าที่แล้ว เราได้ทำความรู้จักกับ Dynamic Website กันไปบ้างแล้ว ก่อนที่จะมาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของเว็บไซต์ทั้งสองประเภท แน่นอนว่าเราก็ก็ต้องมาทำความรู้จักกับ Static Website กันก่อน
ความแตกต่างในด้านลักษณะและการทำงาน
Dynamic Website สามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขข้อมูลได้ ไม่ว่าจะโดยผู้ดูแลหรือโดยผู้ใช้ก็ตาม
Static Website จะมีเนื้อหาที่คงที่และไม่มีการเปลี่ยนแลง
Dynamic Website มีความยืดหยุ่นในการจัดการเนื้อหาที่สูง
Static Website มีความยืดหยุ่นในการจัดการเนื้อหาน้อยมาก
Dynamic Website จะสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้
Static Website มีข้อจำกัดในด้านการตอบโต้กับผู้ใช้สูง
Dynamic Website มีเนื้อหาที่ปรับเปลี่ยนและแก้ไขได้ จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลในการจัดการเนื้อหา
Static Website แทบจะไม่ต้องมีการจัดการใด ๆ และไม่จำเป็นต้องใช้ฐานข้อมูล
Dynamic Website ต้องอาศัยการประมวลผล Script จากทางด้านของเซิร์ฟเวอร์
Static Website เป็นเพียงการแสดงข้อมูลที่ง่ายและไม่ซับซ้อน ไม่ต้องรอการประมวลผลจากเซิร์ฟเวอร์
Dynamic Website สามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น สร้าง/แก้ไขบล็อก, เป็นแบบฟอร์ม, สมัครสมาชิก, ลงชื่อเข้าใช้, ฟังก์ชันค้นหา, จัดการข้อมูลสินค้า เป็นต้น
Static Website ใช้สำหรับแสดงข้อมูลที่ตายตัว ไม่มีฟังก์ชันการทำงานที่ซับซ้อน
Dynamic Website อาจมีการโหลดหน้าเว็บที่ช้ากว่า เพราะต้องรอการประมวลผลจากเซิร์ฟเวอร์
Static Website มีความเร็วในการโหลดหน้าเว็บสูงกว่า ไม่ต้องรอการประมวลผล
Dynamic Website สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลบนเว็บไซต์ได้อย่างยืดหยุ่นผ่านเครื่องมือที่นักพัฒนาจัดทำไว้
Static Website ต้องอาศัยผู้ที่มีความชำนาญ เนื่องจากการแก้ไขข้อมูลจะต้องเข้าไปแก้ไขโค้ด
Dynamic Website ทำงานด้วยภาษาโปรแกรมที่ทำงานจากฝั่งเซิร์ฟเวอร์ เช่น PHP, ASP, JSP, Python เป็นต้น
Static Website ทำงานด้วยภาษา HTML, CSS และ JavaScript ซึ่งทำงานในฝั่งของ Client เท่านั้น
Dynamic Website สามาถดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลมาใช้งานได้ตลอดเวลา จึงสามารถแสดงผลข้อมูลที่มีการผกผันแบบ real time ได้ ผู้ดูแล/ผู้ใช้ สามารถปรับแต่ง แก้ไขข้อมูลได้ผ่านฐานข้อมูล
Static Website สามารถดึงฐานข้อมูลมาใช้งานได้เฉพาะในระหว่างที่ Build Project อยู่เท่านั้น หลังจาก Deploy Website แล้วจะไม่สามารถทำได้จนกว่าจะ Build Project ใหม่อีกครั้ง
Dynamic Website ในการ Deploy จะต้องเขียน Script ให้เว็บไซต์มีการ Run/Restart ใหม่ทุกครั้งที่มีการอัพเดตเนื้อหา
Static Website มีการ Deploy ที่เรียบง่าย เพียงแค่อัพโหลดไฟล์เว็บไซต์ไปยัง Host ก็สามารถใช้งานได้ทันที
ที่มา : คลิก
Static web page หรือที่เรียกในภาษาไทยว่า เว็บเพจสถิต นั้นก็คือ เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะมีลักษณะที่สำคัญคือมีความคงที่ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยจะสร้างขึ้นจาก HTML, CSS และ JavaScript เท่านั้น เว็บไซต์ประเภทนี้จะเป็นเว็บไซต์ที่ไม่ต้องใช้ฐานข้อมูลและไม่ต้องรอการทำงานจากเซิร์ฟเวอร์ โดยส่วนมากจะเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาไม่มากนักและไม่จำเป็นต้องมีการอัพเดตหรือปรับแต่งอะไรบ่อย ๆ แต่ก็จะไม่สามารถปรับแต่งหรือตอบโต้ใด ๆ กับผู้ใช้ได้ อย่างเช่น ไม่สามารถให้ผู้ใช้กรอกแบบฟอร์ม, ลงชื่อเข้าใช้, หรือใช้ฟังก์ชันค้นหาได้ เป็นต้น
ที่มา : คลิก
ลูกค้าของเรามีทั้งหน่วยงานรัฐ, ธุรกิจ และบุคคล
สามารถดูเพิ่มเติมที่ได้ที่นี่ คลิก
ฟรี ง่าย ปลอดภัย รวดเร็ว และเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศของ Google
Google Sites เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรี ระยะเวลา. ไม่มีการจำกัดปริมาณข้อมูล โครงการ หรือเวลา ไม่มีแผนการชำระเงินสำหรับ Google Sites อย่างน้อยก็ตอนนี้!
ทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อเริ่มใช้ Google Sites ก็คือบัญชี Google Mail เช่นเดียวกับเครื่องมืออื่นๆ ของ Google
คุณต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคุณลักษณะทั้งหมดของ Google Sites อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย และตัวเลือกและเครื่องมือทั้งหมดที่คุณพบภายในนั้นคุ้นเคย นอกจากนี้ Google Sites ไม่ได้มีมากมาย — เป็นเพียงสิ่งจำเป็นในการสร้าง ดูดี เว็บไซต์พื้นฐานพร้อมการออกแบบที่สะอาดตา
การรักษาความปลอดภัยของ Google Sites นั้นแข็งแกร่งพอ ๆ กับ ความปลอดภัยของบัญชี Google ของคุณ- ประเด็นหลักตรงนี้ — คุณไม่ออกจากสภาพแวดล้อมของ Google คุณไม่จำเป็นต้องแชร์การเข้าถึงกับ 3-ถ เปิดเผยข้อมูลประจำตัวของคุณ สร้างบัญชีและรหัสผ่านใหม่
คุณสามารถตั้งค่าเพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณได้ 2 ขั้นตอน การตรวจสอบและใช้แอปตรวจสอบสิทธิ์ (มีให้โดย Google)
เมื่อพูดถึงความเร็วในการโหลด Google Sites ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่ดีที่สุด แต่อยู่ในอันดับต้นๆ แน่นอน 5—โดยเฉพาะ โดยพิจารณาว่าคุณไม่จำเป็นต้องปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์หรือ CDN ทุกอย่างเพิ่งเกิดขึ้น
Google Sites ไม่ได้ใช้สคริปต์มากนักและมีการบีบอัดรูปภาพเพียงเล็กน้อยเพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณเร็วขึ้น
การดูขนาดภาพเป็นคำแนะนำเดียวที่คุณสามารถปฏิบัติตามได้เพื่อทำให้เว็บไซต์ Google ของคุณเร็วขึ้น โดยเฉพาะบนมือถือ รูปภาพขนาดใหญ่เป็นปัญหาสำหรับ Google Sites ดังนั้นควรทำให้รูปภาพสว่าง
Google Sites ได้รับการบูรณาการอย่างสมบูรณ์กับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Google ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Google Docs, Google Drive, Google Analytics, Google Search Console, Google Mail เป็นต้น และไม่เพียงแต่ทำงานร่วมกันและแลกเปลี่ยนข้อมูลเท่านั้น แต่ยังให้ความรู้สึกเกือบจะเหมือนกันอีกด้วย ซึ่งหมายความว่าการจัดการเครื่องมือทั้งหมดของ Google นั้นง่าย (หรือยาก) เท่ากับเครื่องมือหนึ่งๆ
ยิ่งไปกว่านั้น คุณจะพบว่าเว็บไซต์ Google Sites ของคุณเป็นเพียงไฟล์บน Google Drive ของคุณ (โดยพื้นฐานแล้ว Google Drive คือเซิร์ฟเวอร์ของคุณ) และคุณสามารถคัดลอก แชร์ หรือลบมันได้เหมือนกับไฟล์อื่นๆ แม้ว่าการดาวน์โหลดไซต์ Google จะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่มีตัวเลือกดังกล่าว
ข้อเสียของ Google Sites คือคุณลักษณะการออกแบบ คุณลักษณะทางการตลาด บุคคลที่ 3 การบูรณาการ, SEO, คุณสมบัติอีคอมเมิร์ซ
นี่เป็นเรื่องจริง แต่ในขณะเดียวกันก็ขัดแย้งกัน Google Sites ยึดความเรียบง่ายเป็นหัวใจหลัก นั่นคือวิธีที่นักพัฒนาจะเป็นอย่างไร การเพิ่มตัวเลือกการออกแบบให้กับ Google Sites จะทำให้มีความซับซ้อนมากขึ้น และส่งผลให้เชี่ยวชาญและใช้งานได้ยากขึ้น
แพลตฟอร์มสามารถใช้บล็อก การตั้งค่าพื้นหลัง สไตล์ปุ่ม หรือแม้แต่แอนิเมชั่นพื้นฐานได้มากขึ้น มีหลายสิ่งที่ขาดหายไป แต่สิ่งเหล่านี้จำเป็นต่อการสร้างเว็บไซต์หรือไม่?
ในทางปฏิบัติ คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่สวยงามสำหรับเกือบทุกวัตถุประสงค์ด้วยสิ่งที่ Google Sites นำเสนอและออนไลน์ได้ทันที จากนั้น หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี คุณสามารถค้นหาตัวเลือกการออกแบบ แพลตฟอร์มที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นได้
และอย่าคิดว่านักพัฒนา Google Sites ไม่มีตัวเลือกการออกแบบ “สิ่งที่ต้องทำ” รายการ. พวกเขาเพิ่มเข้าไปแต่ช้ามาก ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าเราจะมีตัวเลือกการแก้ไขข้อความเพิ่มเติม ลองนึกภาพเราไม่สามารถเลือกแบบอักษรได้เมื่อนานมาแล้ว
ช่องว่างอีกประการหนึ่งสำหรับ Google Sites คือคุณลักษณะทางการตลาด แม้ว่าจะมีบางส่วน แต่ก็ยังขาดหายไปอีก Google Analytics และแบนเนอร์ประกาศก็ค่อนข้างดี ไม่มี ป๊อปอัพ, กล่องสมัครสมาชิก แชทสด คุณไม่สามารถเพิ่มพิกเซลการติดตามได้ (เช่น พิกเซลของ Facebook) และแม้ว่าคุณจะใช้ Google Forms แทนกล่องสมัครสมาชิกได้ แต่ก็ไม่ใช่แนวทางทางธุรกิจ ดังนั้นเราจึงสรุปได้ว่า Google Sites ยังไม่พร้อมที่จะโฮสต์ธุรกิจออนไลน์ที่จริงจัง
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นในตอนท้ายของวัน! Google Sites อนุญาตให้เพิ่มวิดเจ็ต — การแทรกโค้ดที่เป็นอะไรก็ได้!
Google Sites ไม่มีปลั๊กอิน เช่น WordPress Add-on หรือส่วนขยาย แต่มันมีบล็อกฝังที่ให้คุณฝังลิงก์หรือโค้ดบางส่วนไปยังเว็บไซต์ที่เป็นได้เกือบทุกอย่าง — แชทสด ตะกร้าสินค้า กล่องสมัครสมาชิก
แต่ควรระวังการใช้การแทรกโค้ดเนื่องจากจะทำให้ความเร็วในการโหลดช้าลงอย่างมาก
ในตอนนี้ Google Sites ยังไม่มีคุณลักษณะอีคอมเมิร์ซ หมายความว่าคุณไม่สามารถรับการชำระเงินผ่าน Google Sites ได้ แน่นอน คุณสามารถเพิ่มรูปภาพพร้อมข้อความและปุ่ม และเรียกมันว่าผลิตภัณฑ์ได้ แต่หากต้องการสร้างรายได้จากสิ่งเหล่านั้น คุณจะต้องมีแพลตฟอร์มอื่น
Google Sites เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ ไม่ใช่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ แต่คุณสามารถใช้มันกับหน้า Landing Page ได้ และใช้ อีกแพลตฟอร์มหนึ่งสำหรับการขายผลิตภัณฑ์ของคุณบนโดเมนย่อย
แต่ด้วยการเติบโตทางอีคอมเมิร์ซ มีบางอย่างบอกฉันว่า Google จะไม่รออยู่ข้างถนนเป็นเวลานาน และการบูรณาการของ Google Sites และแท็บ Google Shopping (กับ Google Merchant Center) ยังมาไม่ถึง
สิ่งที่ Google Sites จะได้ประโยชน์จริงๆ คือ SEO Google Sites สร้างขึ้นโดยเครื่องมือค้นหา ไม่มีการตั้งค่า SEO ที่จำเป็นมากมาย เช่น ชื่อ meta, คำอธิบาย meta, การตั้งค่ากราฟเปิด, การเปลี่ยนเส้นทาง, แผนผังเว็บไซต์, โรบ็อต, สคีมา
สิ่งที่คุณทำได้คือตั้งชื่อเว็บไซต์ของคุณ ใช้ ในหน้า markdown (โดยที่ H1 = ชื่อหน้า) และแก้ไข URL ของหน้า
ด้วยความเคารพและความรักที่มีต่อ Google Sites นี่ไม่ใช่เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีที่สุดในโลก แต่หากคุณกำลังมองหาความเรียบง่าย เริ่มต้นอย่างรวดเร็ว และสามารถผสมผสานโซลูชันต่างๆ โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานโดเมน คุณจะต้องชอบ Google Sites
Google Sites มีไว้สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการคิดถึงการสร้างเว็บไซต์แต่ต้องการพื้นที่ออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นฟรีแลนซ์ ผู้สร้าง นักเขียน ธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่น
ที่มา : คลิก